จากสถานการณ์ฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำหลายสายล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 7 ต.ค. มีรายงานสถานการณ์น้ำท่าแม่น้ำมูลที่สถานี M.7 สะพานเสรีประชาธิปไตย เทศบาลนครอุบลราชธานี ว่าระดับน้ำวัดได้ 116.25 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) เพิ่มขึ้น 13 ซม. สูงกว่าตลิ่ง 4.25 เมตร อัตราการไหล 5,485 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที) ขณะนี้ชาวบ้านในชุมชนท่าบ่งมั่งริมแม่น้ำมูลฝั่ง อ.วารินชำราบ จากเดิมขนของไปเก็บไว้บนชั้น 2 ขณะนี้น้ำท่วมชั้น 2 แล้ว ชาวบ้านต้องเร่งขนของออกมาทางหลังคา มีทหารค่ายสรรพสิทธิประสงค์ช่วยขนย้ายทรัพย์สินของประชาชนไปไว้ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ด้านนายชลธี ยังตรง ผวจ. อุบลราชธานี นำกำลังเจ้าหน้าที่ อส. ทหาร ตำรวจ แขวงการทาง และจิตอาสา กรอกกระสอบทราย 12,000 ถุง ลำเลียงไปวางซ้อนกับแท่งแบริเออร์ระยะทางกว่า 2 กิโลเมตรบนถนนสายเลี่ยงเมือง 231 ฝั่งตะวันออก ช่วงที่เป็นจุดต่ำสุด เพราะแม่น้ำมูลเริ่มไหลท่วมถนนเชื่อมระหว่าง อ.วารินชำราบไป อ.เมืองอุบลราชธานี เส้นทางสุดท้ายที่เหลืออยู่ให้รถสามารถแล่นไปมาได้
ส่วนเจ้าหน้าที่หน่วยบินกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และทหาร เตรียมเฮลิคอปเตอร์ ที่ตั้งฐานปฏิบัติการในสนามบินกองบินที่ 21 อุบล ราชธานี ใช้รับส่งผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ป่วยหนัก ที่ต้องรีบส่งต่อไปยัง รพ.สรรพสิทธิประสงค์ โรงพยาบาลประจำจังหวัด หากถนนน้ำท่วมติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วน หรือถนนใช้สัญจรทางบกไม่ได้แล้ว สำหรับระดับน้ำแม่น้ำมูลมากกว่าปี 2562 เจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ ขณะที่นายกิตติ กุบแก้ว ปศุสัตว์ จ.อุบลราชธานี สั่งการให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเกษตรกรเพื่ออพยพกระบือ 80 ตัว ออกจากพื้นที่บ้านทัพไทย ต.แจระแม อ.เมือง ไปอยู่ในที่ปลอดภัยเพราะน้ำท่วมสูงต่อเนื่อง
ด้านนายพิพัทต์ คงสินทวีสุข ผอ.โรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำการแทนผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ประกาศว่า เนื่องจากเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมและพายุ “โนรู” ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้มีมวลน้ำไหลหลากเข้าจนเต็มความจุอ่างเก็บน้ำในวันที่ 2 ต.ค. ที่ระดับเก็บกัก 182.00 เมตร วันที่ 7 ต.ค. ยังคงมีมวลน้ำไหลเข้าถึง 187 ล้าน ลบ.ม. จำเป็นต้องระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์เพิ่มมากขึ้น ขณะนี้เขื่อนจะระบายน้ำที่ 41 ล้าน ลบ.ม. วันที่ 8 ต.ค. ระบายน้ำที่ 45 ล้านลบ.ม. วันที่ 9 ต.ค. จะระบายน้ำที่ 50 ล้าน ลบ.ม. แจ้งให้ประชาชนอาศัยในพื้นที่ท้ายเขื่อนเตรียมพร้อมอพยพ ขนย้ายสิ่งของและทรัพย์สินขึ้นที่สูง
ที่ จ.นครสวรรค์ แม่น้ำเจ้าพระยาล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนที่ ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี ทั้งหมด 7 หมู่บ้าน ได้รับผลกระทบรวมกว่า 400 หลังคาเรือน ระดับน้ำสูงถึงเอว โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำรถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ น้ำท่วมชั้นที่ 1 ของตัวบ้านต้องขนย้ายข้าวของหนีน้ำขึ้นไปไว้ที่ชั้น 2 ต้องใช้บันไดปีนเข้าทางหน้าต่างแทน ส่วนชาวบ้านหมู่ 4 ต.แควใหญ่ อ.เมืองนครสวรรค์ จำนวน 10 ครัวเรือน ต้องหนีน้ำท่วมขนข้าวของ ที่นอนหมอนมุ้ง และอุปกรณ์ทำครัวมากางเต็นท์นอนที่สะพานข้ามแม่น้ำน่าน หลังบ้านน้ำท่วมสูงจนถึงชั้น 2 จนอาศัยอยู่ไม่ได้
ด้านนายชยันต์ ศิริมาศ ผวจ.นครสวรรค์ ประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำปิงและแม่น้ำเจ้าพระยา ให้เฝ้าระวังเตรียมอพยพ และเก็บของขึ้นที่สูงในช่วงระหว่างวันที่ 6- 12 ต.ค. ปริมาณน้ำจะเพิ่มขึ้นประมาณ 30 ซม. ส่วนนายจิตตเกษมณ์ นิโรจน์ธนรัฐ นายกเทศมนตรีนครนครสวรรค์ เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีแรงดันน้ำเข้ามาตามรอยแตกของถนนไหลเข้ามาในตัวเมืองเขตเศรษฐกิจ ล่าสุดสั่งการเจ้าหน้าที่ให้เร่งแก้ไขวางแนวกระสอบทรายล้อมกั้นไว้ พร้อมอุดรอยแยกและรอยแตกของถนนกันน้ำทะลัก
ที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาขยับขึ้นต่อเนื่อง วัดได้ +17.65 เมตร ระดับน้ำทะเลปานกลาง อัตราการระบายอยู่ที่ 2,885 ลบ.ม./วินาที เพื่อรักษาสมดุลของน้ำเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน และเพื่อเร่งสร้างพื้นที่ว่างในลำน้ำเหนือเขื่อน รองรับมวลน้ำเหนือที่จะมีมากขึ้นหลังจากนี้ และจะปรับแผนการระบายเป็น 2,900- 3,000 ลบ.ม./วินาที เพื่อรองรับมวลน้ำจากทางภาคเหนือ เจ้าหน้าที่ปักธงแดงเตือนสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติ คาดการณ์ว่าระดับน้ำพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาจะสูงขึ้นอีก 15-20 ซม. ส่วนพื้นที่เหนือเขื่อนใน อ.เมืองชัยนาท อ.วัดสิงห์ และ อ.มโนรมย์ ระดับน้ำจะเอ่อล้นขยายวงกว้างมากขึ้น และความสูงของระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นจากเดิม 10-15 ซม.
นายอลงกต วรกี รอง ผวจ.อุทัยธานี พร้อมคณะเดินทางไปที่บ้านไซเบอร์ หมู่ 1 ต.ทองหลาง อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี หลังน้ำป่าซัดเข้าท่วมหมู่บ้าน กระแสน้ำเชี่ยวท่วมทางเข้าหมู่บ้านชาวบ้านปิดทางเข้าออก เจ้าหน้าที่และชาวบ้านต้องต่อแถวยาวขวางกระแสน้ำช่วยกันขนถุงยังชีพข้ามฝั่งไปแจกชาวบ้านเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ที่ ต.เกาะเทโพ อ.เมืองอุทัย พ.อ.ภาส วงศ์สารภี ผบ.ร.4 จัดกำลังพลช่วยชาวบ้านขนย้ายสิ่งของหนีน้ำท่วมและกรอกกระสอบทราย เพื่อให้ชาวบ้านนำไปกั้นน้ำไหลทะลักเข้าบ้าน
ขณะที่ พล.ต.ต.ไพศาล พฤกษจำรูญ ผบก.ภ.จ.อ่างทอง พ.ต.อ.ศุภกฤช เดือนแจ้งรัมย์ ผกก.สส.ภ.จ.อ่างทอง พร้อมเจ้าหน้าที่ล่องเรือไปช่วยเหลือชาวบ้านในที่บ้านหมู่ตาล หมู่ 5 ต.โผงเผง อ.ป่าโมก พร้อมมอบอาหารและน้ำดื่ม ส่วนที่บริเวณสะพานบ้านสายถนน 309 อ่างทอง-อยุธยา รอยต่อ ต.บางปลากด ต.บางเสด็จ และ ต.โรงช้าง อ.ป่าโมก กระแสน้ำเจ้าพระยาที่เอ่อล้นคันดินป้องกันน้ำ ต.บางเสด็จ ไหลบ่าเข้าท่วมไปยัง ต.บางปลากด และยังไหลลอด ใต้สะพานไปยังฝั่ง ต.โรงช้าง กระแสน้ำยังคงไหลแรงเชี่ยวกราก เจ้าหน้าที่นำแท่งแบริเออร์มากั้นต่อจากคันดินที่พังเสียหาย แต่ยังไม่สามารถหยุดกระแสน้ำ ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนในพื้นที่ ต.โรงช้าง และไหลต่อไปยัง ต.สายทอง ชาวบ้านอพยพไปกางเต็นท์บนถนน
ส่วนที่ ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี น้ำท่วมสูงถึงหน้าอก ชาวบ้านอยู่อย่างลำบาก นางดวงสมร สุขวงศ์ อายุ 49 ปี ชาวบ้านเปิดเผยว่า น้ำไหลเข้าบ้านเร็วมากเก็บข้าวของไม่ทัน ตัดสินใจทิ้งข้าวของขับรถกระบะ พร้อมสุนัข 2 ตัว ออกจากพื้นที่ไปจอดที่ถนนใกล้บ้าน ช่วงนี้ต้องอาศัยกินนอนอยู่ในรถ สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี ได้รับผลกระทบ 3 อำเภอ 8 ตำบล 6 ชุมชน 30 หมู่บ้าน 4,722 หลังคาเรือน 13,594 คน
ที่วัดเชิงท่า ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเกาะเมืองมีโบราณสถานความสำคัญทางประวัติศาสตร์สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา น้ำจากคลองคูเมืองทะลักเข้าท่วมความสูงประมาณ 1 เมตร โบสถ์ วิหารเก่าและแนวกำแพงน้ำท่วม ส่วนบริเวณลานวัด กุฏิพระสงฆ์ ศาลาการเปรียญของวัดยังป้องกันน้ำท่วมได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงหากระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสูงกว่า 2 เมตร จะทำให้โบราณสถานเสียหาย สถานที่แห่งนี้เคยถ่ายทำละครเรื่องบุพเพสันนิวาส และภาพยนตร์อีกหลายเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์
ด้านนายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัด กทม. กล่าวว่าเตรียมวางแผนรับน้ำเหนือ ปัจจุบันเขื่อนของ กทม.เริ่มจาก จ.นนทบุรี มีความสูงประมาณ 1.50 เมตรไล่ลงมาเรื่อยๆ จนมาสุดเขตที่ จ.สมุทรปราการ 2.80 เมตร ปัจจุบันระดับน้ำยังต่ำกว่าเขื่อน เชื่อมั่นว่าน้ำเหนือที่ปล่อยลงมาจะไม่ล้นเขื่อน อย่างไรก็ตาม บริเวณจุดฟันหลอระยะทาง2 กิโลเมตรยังมีปัญหา ขอแจ้งประชาชนที่มีแนวรั้วอิฐบล็อกริมแม่น้ำเจ้าพระยา หากชำรุดให้แจ้งสำนักงานเขตในพื้นที่หรือสายด่วน กทม. 1555 หรือสำนักการระบายน้ำโทร.02-248-5115 เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำกระสอบทรายไปเสริมกันด้านหลังอิฐบล็อกให้แข็งแรง ต้องเตรียมระวังเนื่องจากจะมีการปล่อยน้ำลงมามากขึ้น
ช่วงเย็นวันเดียวกัน นายสุธี ทองแย้ม ผวจ.นนทบุรี ออกประกาศจังหวัดนนทบุรี เรื่องเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย/เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในพื้นที่ อ.ปากเกร็ด ด้วยเกิดเหตุอุทกภัย สาเหตุจากพายุโนรูกับภาวะฝนตกหนักและฝนตกสะสมต่อเนื่อง ส่งผลให้มีน้ำไหลหลากผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ อ.ปากเกร็ด ประกาศเขตพื้นที่อุทกภัยใน 7 ตำบล ในพื้นที่ อ.ปากเกร็ดแล้ว ประกอบด้วยดังนี้ 1.หมู่ 1-5 ต.บางพลับ 2.หมู่ 1-10 ต.ท่าอิฐ 3.หมู่ 1-7 ต.เกาะเกร็ด 4.หมู่ 1-6 ต.อ้อมเกร็ด 5.หมู่ 1-6 ต.คลองพระอุดม 6.หมู่ 1-5 ต.บางตะไนย์ 7.หมู่ 1-12 ต.คลองช่อย ให้เป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้ส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในเขตพื้นที่ประสบภัยดังกล่าว
ต่อมาเวลา 19.00 น. เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในหลายพื้นที่ของ กทม. เป็นเหตุต้นไม้โค่นล้มทับรถยนต์เสียหายภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ลานจอดรถข้างอาคารจามจุรี 6 อยู่บริเวณริมรั้วติดกับถนนพญาไท พบรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ญณ 8746 กรุงเทพ มหานคร สภาพถูกต้นไม้ขนาดใหญ่ ความสูงไม่ต่ำกว่า 10 เมตร ล้มทับกลางคัน ทำให้หลังคารถยุบ นอกจากนี้ยังมีรถแท็กซี่ส่วนบุคคล สีเขียวเหลือง ทะเบียน 1 มก 3833 กรุงเทพมหานคร ถูกต้นไม้ทับบริเวณด้านหลังฝั่งซ้ายของตัวรถ เจ้าหน้าที่ใช้เลื่อยไฟฟ้าเลื่อยต้นไม้ออกเป็นท่อนๆ ก่อนใช้รถยกท่อนไม้ออกจากบริเวณดังกล่าว
ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 2/65 และประชุมอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 1/65 ต่อเนื่องกัน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ทรัพยากรน้ำเป็นผลประโยชน์ร่วมที่ต้องบูรณาการ และเตรียมการร่วมกันในทุกภาคส่วนด้วยความเข้าใจ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการน้ำให้กระจายไปยังทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึง ขณะที่ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น จำเป็นต้องลดผลกระทบที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด ขอให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องรับปัญหาที่เกิดขึ้นไปเร่งแก้ไข และขอให้นำแผนแม่บทบริหารจัดการน้ำ 20 ปี ไปขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดความยั่งยืนและการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง สำหรับในพื้นที่ กทม.เร่งจัดทำแผนเร่งด่วน เสนอของบประมาณให้ทันปี 67 และให้กรมชลประทานและ จ.สมุทรปราการ ประสานการทำงานร่วมกับ กทม.ให้มีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกัน เพื่อลดปัญหาและผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ กทม.ที่เกิดขึ้น
กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า วันที่ 9-13 ต.ค. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกหนักกับมีลมกระโชกแรงบางแห่งเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียสกับมีลมแรงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง