หนุ่ม-สาว น้ำตาร่วง โดนปู่กับย่ายึดลูกชาย 3 เดือน หลังฝากให้ช่วยเลี้ยงที่บ้านเกิด แถมออกปากไล่ส่ง ตัดสัมพันธ์สายเลือด สุดท้ายจำใจแจ้งความ ตำรวจช่วยพูดไม่เป็นผล คราวนี้ลูกถูกพาไปซ่อน
วันที่ 10 ม.ค.2566 นายประกาศิตย์ พร้อม น.ส.กุณฑิกา ภรรยา เข้าร้องผู้สื่อข่าวขอความช่วยเหลือ หลังลางานกลับบ้านเกิดที่ ต.ราษฎรพัฒนา อ.สามโก้ จ.อ่างทอง เพื่อไปรับลูกชายมาเลี้ยงดูปรากฎว่า ถูกปู่กับย่าปฏิเสธ ด่าทอไล่ส่ง ประกาศตัดขาดสายเลือดไม่ใช่พ่อลูกกันอีกต่อไป
น.ส.กุณฑิกา เปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้นว่า เมื่อช่วงเดือนส.ค.2564 หลังคลอดลูกชายได้ 3 เดือนก็นำลูกไปให้พ่อ-แม่ของสามีเลี้ยงดู เนื่องจากลาคลอดบุตรได้เพียง 3 เดือน ตกลงกันให้ปู่กับย่าช่วยเลี้ยงดู ซึ่งเราส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้ปกติถึงเวลาวันหยุดงานก็จะไปหาลูกตลอดเหมือนปกติคนเป็นพ่อแม่ทั่วไป
” จนกระทั่งวันที่ 27 มิ.ย. 2564 คุยกับปู่ย่าว่าจะขอเอาลูกกลับมาเลี้ยงดูเอง แต่ปู่กับย่าน้องไม่ยินยอม และมีปากเสียงกันเป็นครั้งแรก ปู่กับย่าบอกขอเวลาทำใจก่อนและขอเลี้ยงหลานต่ออีกสักระยะ ตอนนั้นเราก็ยอมเพราะคิดว่าปู่ย่าคงรักหลานมาก จนถึงปีใหม่ 2566 เราเดินทางกลับบ้านไปอยู่กับลูกถึง 4 วัน เห็นพฤติกรรมของลูกแปลกๆไม่เหมือนเด็กวัยจะ 3 ขวบทั่วไป ลูกมีอาการเรียกร้องความสนใจ ทำร้ายตัวเอง ไม่ค่อยกินข้าว จะถูกเลี้ยงอยู่ภายในกรงเด็ก
เราทั้งคู่จึงมีความคิดที่จะนำลูกกลับมาเลี้ยงดูเองที่พัทยา ก็ถูกปู่ย่ากีดกันทะเลาะกันเป็นครั้งที่ 2 ต้องกลับมาตั้งหลัก ก่อนเดินทางกลับบ้านที่อ่างทองอีกครั้ง พร้อมเข้าแจ้งความที่สภ.สามโก้ ร้อยเวรพร้อมกับตำรวจ 4 นายเดินทางไปที่บ้านช่วยพูดกับปู่ย่า แต่ก็ถูกปฏิเสธเช่นเคย มิหนำซ้ำเราสองคนยังไม่เจอลูกด้วย ปู่กับย่าเอาลูกไปซ่อนไว้ที่อื่น ไม่ยอมปริปากบอก ทั้งขับไล่ประกาศตัดขาดสายเลือดพ่อลูก ทำให้ตำรวจและเราต้องกลับออกมาด้วยความผิดหวัง ”
ทั้งคู่เล่าต่อว่า ความพยายามอยากได้ลูกกลับยังไม่สิ้นสุด เราเดินทางไปร้องศูนย์ดำรงค์ธรรม สำนักงานอัยการ ศาลเยาวชน และศูนย์พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จ.อ่างทอง ได้ปรึกษาพูดคุยพร้อมจะทำทุกวิถีทางตามคำแนะนำเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้ลูกชายกลับมาสู่อ้อมกอดพร้อม ฝากเป็นอุทาหรณ์ ไม่คิดไม่ฝันว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับเราได้ ไว้ใจให้เลี้ยงดูหลานเพราะเห็นว่าเป็นปู่ย่าแท้ๆ ไม่อยากเชื่อจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้
