Notice: Trying to get property 'child' of non-object in /home/ephclubc/domains/bethailand.com/public_html/angthong/wp-content/themes/jnews/class/ContentTag.php on line 45
วันมหิดล ปชช.แห่ฉีดวัคซีนคึกคักทั่วประเทศ ขณะที่ศูนย์บางซื่อคิกออฟบูสต์เข็ม 3 กระตุ้นภูมิด้วยแอสตร้าฯ ด้านหญิงหน่อยรับกระสุนตามหลัง หลังจุดไฟรัฐบาลเมินรับไฟเซอร์จากอเมริกา พาเหรดสับยับ หวังดิสเครดิต-จุดชนวนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เมื่อวันศุกร์ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานยอดฉีดวัคซีนทั่วประเทศ วันที่ 23 ก.ย. 2564 มีรายละเอียดดังนี้ ผู้เข้ารับวัคซีนรายใหม่ 626,896 โดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 256,541 ราย, เข็มที่ 2 จำนวน 369,868 ราย, เข็มที่ 3 จำนวน 487 ราย
ส่วนยอดฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 2564 ที่มีการคิกออฟฉีดวัคซีนทั่วประเทศ มียอดสะสมแล้ว 43,195,910 โดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 27,228,193 ราย, เข็มที่ 2 จำนวน 15,343,593 ราย, เข็มที่ 3 จำนวน 624,124 ราย ขณะที่ยอดรวมการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-23 ก.ย. 2564 (208 วัน) พื้นที่ 77 จังหวัด มียอดสะสม 47,296,431 โดส เข็มที่ 1 สะสม 29,998,440 ราย คิดเป็น 41.6% ของประชากร, เข็มที่ 2 สะสม 16,673,867 ราย คิดเป็น 23.1% ของประชากร, เข็มที่ 3 สะสม 624,124 ราย
ที่กระทรวงสาธารณสุข ณ บริเวณลานพระราชานุสาวรีย์ฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นำคณะผู้บริหาร วางพวงมาลาถวายราชสักการะสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี บนแท่นฐานเดียวกัน และกล่าวถวายสดุดีเนื่องในวันมหิดล 24 กันยายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
นายอนุทินกล่าวว่า โดยในวันนี้จะรวมพลังชาวสาธารณสุขฉีดวัคชีนโควิด-19 ทั้งเข็มที่ 1, 2 และ 3 ให้ประชาชนพร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งเป้าหมาย 1 ล้านเข็ม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชน ลดอาการรุนแรงของโรค ลดอัตราการเสียชีวิต ขับเคลื่อนให้การดำเนินการฉีดวัคซีนของประเทศเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม, นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ และแพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ และผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ประกาศนโยบายและการเตรียมความพร้อมของศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อเพื่อเปิดให้บริการฉีดวัคซีนกระตุ้น (Booster dose) กลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้ที่เคยได้รับวัคซีน Sinovac เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 จากศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ โดยจะเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2564 จำนวน 15,000 คนก่อน และจะทยอยฉีดจนครบ 150,000 คน
โดยจะได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เป็นเข็มกระตุ้น (Booster dose) ทางศูนย์จะใช้ฐานข้อมูลเดิมสำหรับส่ง SMS ให้ผู้รับบริการเพื่อนัดหมายวันเวลาฉีดวัคซีนล่วงหน้า และผู้รับบริการสามารถตรวจสอบวันเวลานัดด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน “Vaccine บางซื่อ”
นายสาธิตกล่าวว่า ผู้รับบริการที่ได้รับ SMS แจ้งวันเวลานัดหมายฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster dose) จากทางศูนย์ และมีความสมัครใจที่รับวัคซีนเข็มกระตุ้นสามารถเดินทางมาที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เข้าประตู 1, 2, 3, 4 แสดง SMS หรือแอปพลิเคชัน “Vaccine บางซื่อ” ต่อเจ้าหน้าที่โดยจะได้รับแบบคัดกรอง และสามารถไปที่จุดฉีดวัคซีนได้โดยไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใหม่ โดยจะเปิดให้บริการฉีดวัคซีนในเวลา 09.00-18.00 น. ทุกวัน
วันเดียวกัน นายอนุทินปฏิเสธกระแสข่าวสหรัฐบริจาควัคซีนไฟเซอร์จำนวน 1 ล้านโดสให้ไทย แต่ที่คนไทยยังไม่ได้รับมาฉีด เพราะรัฐบาลล่าช้าในการทำเอกสาร และขอย้ำว่าไทยยังไม่ได้รับจดหมายหรือหนังสือแสดงเจตจำนงจากสหรัฐในการบริจาควัคซีน และที่ผ่านมาเมื่อสหรัฐบริจาควัคซีน ไทยก็ทำหนังสือตอบกลับไม่เกิน 2 สัปดาห์ ขอทุกฝ่ายอย่านำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นให้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ดาหน้าสับหญิงหน่อย
ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โดยความเห็นส่วนตัว แม้คุณหญิงสุดารัตน์จะสามารถไปหารือร่วมกับสมาชิกวุฒิสภาแห่งสหรัฐอเมริกาพรรคเดโมแครตได้ แต่ข้อมูลต่างๆ คุณหญิงสุดารัตน์ควรที่จะตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อน และนำข้อเท็จจริงมาพูดและเผยแพร่ต่อ สาธารณชน ถ้าข้อมูลไม่ถูกและไม่เป็นจริง ยิ่งจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและเข้าใจผิดในตัวนายกฯ และรัฐบาลได้ และทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนในสาระสำคัญระหว่างประเทศได้
“อย่าคิดพลิกผันตัวเองเล่นการเมืองเพื่อเป็นจอมสร้างภาพหรือดรามาตัวเองบ่อยๆ ครั้ง เพื่อหวังตีกินทางการเมือง ด้วยเจตนาหรือจิตใจที่ไม่บริสุทธิ์ต่อประเทศชาติประชาชนอย่างแท้จริง ต้องการเพียงเพื่อทำลายเครดิตหรือด้อยค่าบุคคลอื่น โดยไม่สนใจผลกระทบที่ตามมาว่าเสียหายต่อประเทศชาติบ้านเมืองหรือไม่ นักการเมืองประเภทนี้ถือว่าเล่นการเมืองบนผลประโยชน์ตนเอง จ้องทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลา อย่างนี้ใช้ไม่ได้” นายเสกสกลระบุ
ด้านนายพลพีร์ สุวรรณฉวี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุใจความว่า ตนเองขอย้ำอีกรอบ เมื่อครั้งที่สหรัฐบริจาควัคซีนให้ไทยรอบที่ผ่านมานั้น มีเอกสารสำคัญ เป็น diplomatic note ถึงทางการไทย และทางการไทยก็ตอบสนอง กระบวนการต่างๆ จึงเริ่มได้ แต่ครั้งนี้ยังไม่พบเอกสารฉบับนั้น ที่สุดแล้วตนเองเห็นว่าการที่พรรคไทยสร้างไทยยังดึงดันที่จะสื่อสารเรื่องนี้ มีแต่ผลเสียเกิดกับพรรคท่าน และอาจจะรวมถึงประเทศชาติด้วย เพราะดูเหมือนท่านกำลังเอาต่างประเทศ มาร่วมเล่นเกมการเมืองของประเทศไทย มันเหมาะ สมแล้วเหรอ วิญญูชน ตอบได้
นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตนอ่านคำให้สัมภาษณ์ของนายธานี ที่บอกว่าสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ได้รายงานว่าในขณะนี้ฝ่ายสหรัฐยังอยู่ระหว่างดำเนินการภายใน โดยยังไม่ได้กำหนดการส่งมอบวัคซีน และสหรัฐยังไม่ได้ประสานงานด้านเอกสารกับหน่วยราชการไทยใดๆ ทั้งสิ้น นี่คือข้อมูลจริงๆ แต่ที่พรรคไทยสร้างไทย มาพูดช่วงหลังๆ นั้นมันออกแนวแถแก้เขิน
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า มาอเมริกาครั้งนี้ ดิฉันได้มีโอกาสได้พบหารือกับท่านวุฒิสมาชิก มิตต์ รอมนีย์ แห่งรัฐยูทาห์ ท่านเป็นอดีตผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์ และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของพรรครีพับลิกัน เมื่อปี 2012 โดยได้หารือถึงความร่วมมือในด้านการค้า การลงทุนระหว่าง 2 ประเทศ และในภูมิภาค
โดยเฉพาะผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด ที่ประเทศที่เป็นคู่ค้าสำคัญต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อแสวงหาแนวทางที่จะส่งเสริมการค้าระหว่างกันรวมทั้งความร่วมมือในการต่อสู้กับ COVID-19 ทั้งด้านข้อมูล องค์ความรู้ วัคซีน และยา โดยเฉพาะเรื่องวัคซีนที่สหรัฐกำลังพัฒนา วัคซีน mRNA ในรุ่น 2 เพื่อต่อสู้กับเชื้อกลายพันธุ์
โดยดิฉันได้กล่าวถึงเอกชน และท้องถิ่นของไทยหลายแห่ง มีความพร้อม และประสงค์จะซื้อวัคซีน mRNA ที่ FDA สหรัฐรับรองอย่างเต็มรูปแบบแล้ว เพื่อไปฉีดให้พนักงานของแต่ละบริษัท และประชาชนในแต่ละท้องถิ่น โดยใช้เงินของท้องถิ่นเอง จึงฝากท่าน ส.ว.มิตต์ รอมนีย์ ช่วยสนับสนุนการจัดหาวัคซีนให้หน่วยงานท้องถิ่น รวมทั้งเอกชนไทยด้วย
แห่ฉีดวัคซีนวันมหิดล
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในแต่ละจังหวัดบรรยากาศการฉีดวัคซีนยังเต็มไปด้วยความคึกคัก โดยเฉพาะในวันนี้ ซึ่งแต่ละพื้นที่มีการจัดกิจกรรมตามแคมเปญฉีดวัคซีนวันมหิดล 24 ก.ย. เช่น ที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศูนย์ฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มบุคคลทั่วไป ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนจองฉีดในระบบก๋ำแปงเวียง ตามแคมเปญวันมหิดล 24 กันยายน เป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีประชาชนชาวเชียงใหม่ให้ความสนใจและเข้ารับการฉีดวัคซีนกันเป็นจำนวนมาก
สืบเนื่องด้วยวันที่ 24 กันยายน รัฐบาลได้กำหนดให้เป็นวันมหิดล กระทรวงสาธารณสุขจึงได้จัดให้มีการรณรงค์การฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้แก่ประชาชนจำนวน 1 ล้านโดสทั่วประเทศ โดยเป็นการฉีดแบบไขว้คือ เข็มที่ 1 ซิโนแวค และเข็มที่ 2 แอสตร้าเซนเนก้า สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับการจัดสรรวัคซีนในแคมเปญนี้ 30,650 โดส เพื่อฉีดให้แก่กลุ่มบุคคลทั่วไปที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนในเว็บไซต์ก๋ำแปงเวียงไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมจัดการกระจายวัคซีนไปตามศูนย์ฉีดต่าง ๆ ทั้ง 25 อำเภอ
ที่ จ.อ่างทอง บริเวณอาคารขุมทรัพย์ความรู้จังหวัดอ่างทอง (เอแคป) ประชาชนในเขตที่เทศบาลเมืองอ่างทอง ที่ลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มกับทางเทศบาลเมืองอ่างทองไว้ เดินทางเข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มเข็มแรกกันอย่างคึกคัก หลังทางเทศบาลเมืองอ่างทองได้รับโควตาสั่งจองวัคซีนซิโนฟาร์มจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จำนวน 5,000 โดส ซึ่งทางเทศบาลเร่งประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านในเขตลงทะเบียนไว้ก่อนหน้ากับทางเทศบาลเมืองอ่างทอง จนครบจำนวน และดำเนินการฉีดจำนวน 2 วัน คือวันที่ 24 และ 25 กันยายน
ที่ศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น เขตเทศบาลนครขอนแก่น และที่หน่วยบริการวัคซีน รพ.ขอนแก่น จุดฉีดวัคซีนวัดป่าแสงอรุณ ต.พระลับ มีประชาชนจำนวนมาก ทยอยเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 1 อย่างต่อเนื่อง ตามการบริหารจัดการวัคซีนตามที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.ขอนแก่นกำหนด และเนื่องในวันมหิดล ที่กระทรวงสาธารณสุขได้ กำหนดการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตลอดทั้งวันในวันนี้ให้ได้ 1 ล้านคน
ที่ จ.นครพนม เปิดวอล์กอินฉีดวัคซีนป้องกันโควิดในวันมหิดล คิกออฟพร้อมกันทั้งจังหวัด ทั้งนี้ ในภาพรวมของการฉีดวัคซีนในปัจจุบัน จังหวัดนครพนมมีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่ไปแล้ว 166,271 คน คิดเป็นร้อยละ 23.18 ของประชากรทั้งหมด
ที่ จ.ตราด ประชาชนชาวตราดเดินทางมารอการรับบัตรคิวเพื่อฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็ม 1 ตามที่โรงพยาบาลตราด, สำนักงานสาธารณสุข จ.ตราด และจังหวัดตราด ประกาศให้ประชาชน สามารถมาฉีดวัคซีนได้แบบวอล์กอินได้ และที่มีรายชื่อได้จำนวน 2,000 คน ซึ่งเป็นกรณีพิเศษเนื่องในวันมหิดล ที่ ศบค.ต้องการฉีดให้ได้เป้าหมาย 1 ล้านโดสทั่วประเทศ
ที่ จ.ยะลา ที่โรงพยาบาลเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ทางโรงพยาบาลเบตงได้จัดกิจกรรม “1 ล้านคน 1 ล้านโดส” ชาวเบตง ร่วมใจ ฉีดวัคซีนโควิด-19 ถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย” โดยได้มีการตั้งสถานที่ฉีดวัคซีนในโรงพยาบาลเบตง ทั้งนี้ มีพี่น้องประชาชนในพื้นที่ของอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ต่างให้ความสนใจและเข้าร่วมในกิจกรรมกัน อย่างคึกคัก
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สธ.ได้ระดมพลังบุคลากรสาธารณสุขทั้งส่วนกลางและภูมิภาค รณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 1 ล้านคนทั่วประเทศ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบัน” เนื่องในวันมหิดล 24 กันยายน 2564 และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ทรงทุ่มเทพระวรกาย พระสติปัญญา และทรัพย์สินส่วนพระองค์ ทรงวางรากฐานการแพทย์และการสาธารณสุขไทย โดยมีประชาชนรับบริการฉีดวัคซีนตามจุดบริการต่างๆ ตามนัดหมายจำนวนมาก
นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า ได้รับรายงานจาก 12 เขตสุขภาพ (ไม่รวมที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ) ณ เวลา 16.30 น. ฉีดวัคซีนทั้งเข็ม 1, 2 และ 3 รวม 1,062,081 ล้านโดส เป็นเข็ม 1 จำนวน 716,916 โดส, เข็มสอง 228,994 โดส, เข็มสาม 116,171 โดส และทยอยส่งข้อมูลเข้ามาเรื่อยๆ จะสรุปจำนวนการฉีดอีกครั้ง ณ เวลา 24.00 น. และรายงานยอดการฉีดทั้งหมดให้ทราบในวันพรุ่งนี้
“ขอขอบคุณบุคลากรสาธารณสุข ลูกพระบิดาทุกท่าน ที่ร่วมแรงร่วมใจจัดบริการฉีดวัคซีน สร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชน ซึ่งทุกคนทุ่มเททำงานดูแลสุขภาพประชาชนอย่างไม่มีวันหยุดตลอดช่วงสถานการณ์ระบาดโควิด- 19 ดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท สืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เพื่อสุขภาพประชาชนชาวไทย” นพ.เกียรติภูมิกล่าว.