“เดลตา”ขึ้นแท่นสายพันธุ์หลักระบาดในไทย

นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้การระบาดในไทยพบสายพันธุ์เดลตา หรือสายพันธุ์อินเดีย ระบาดแซงหน้าสายพันธ์อัลฟา หรือสายพันธุ์ อังกฤษ กลายเป็นสายพันธุ์หลักของไทยแล้ว โดยแนวโน้มการระบาดรวดเร็วตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

ข้อมูลภาพรวมทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 10 -16 กรกฎาคม ซึ่งมีการตรวจหาพันธุกรรมของเชื้อไวรัสจำนวน 3,340 ตัวอย่างจากทั่วประเทศ พบเกินครึ่ง 62.6 %เป็นสายพันธุ์เดลตา ถัดมาเป็นสายพันธ์อัลฟา 34.1 %และสายพันธุ์เบตา  หรือสายพันธุ์ แอฟริกาใต้ 3.3 % 

เฝ้าระวังโควิดกลายพันธุ์ พบสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) 206 รายใน กทม.

“โควิด-19 เดลตา” รุกคืบเอเชีย สัดส่วนการระบาดเกินครึ่งในหลายเมือง

แต่เมื่อจำกัดเป็นพื้นที่เฉพาะกรุงเทพมหานคร พบสายพันธุ์เดลตามากถึง 76.5 % ส่วนสายพันธุ์อัลฟา 23.5 %  และในพื้นที่ภูมิภาคก็พบสายพันธุ์เดลตา 47.3 %

ทั้งนี้ยังพบเชื้อสายพันธุ์เดลตาระบาดเพิ่มอีก 11 จังหวัด เช่น เช่น แม่ฮ่องสอน  กาญจนบุรี  สมุทรสงคราม ฉะเชิงเทรา ตราด  สุรินทร์  ชุมพร  นครศรีธรรมราช  กระบี่  พังงา และปัตตานี ทำให้ขณะนี้ในไทยพบสายพันธุ์เดลตาระบาดแล้วใน 72 จังหวัด เหลือเพียง 4 จังหวัด เช่น เพชรบุรี  สุพรรณบุรี อ่างทอง และสระแก้ว เท่านั้นที่ยังไม่พบ

นายแพทย์ศุภกิจยังระบุว่า สายพันธุ์เดลตาสามารถแพร่เชื้อได้เร็วกว่าสายพันธุ์อัลฟามากถึง 1.4 เท่า นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำมีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่มีผลต่อความรุนแรง และอัตราการป่วยตาย แต่ถ้าหากมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจำนวนมากจนดูแลไม่ทัน ยอมรับว่า ก็อาจจะมีผลกระทบได้

ส่วนสายพันธุ์เบตา หรือสายพันธุ์แอฟฟริกาใต้  ยังพบระบาดในพื้นที่จังหวัด นราธิวาส เป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงเช่น ปัตตานี  ยะลา  สงขลา  พัทลุง  ชุมพร และนอกพื้นที่ภาคใต้ ในภาคอีสานเช่น บึงกาฬ ส่วนในกรุงเทพมหานครที่ก่อนหน้านี้เคยพบสายพันธุ์เบตา ในสัปดาห์นี้ยังไม่พบเพิ่ม และหากไม่พบต่อเนื่องถึงสัปดาห์หน้า ก็คาดว่า จะจำกัดวงการระบาดได้ แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวัง และติดตามต่อเนื่อง